“...มือของแม่นั้นคือมือช่างปั้น
ขึ้นรูปอันอ่อนลออจนหล่อเหลา
อยากให้เป็นงานดีที่งามเงา
อยู่ที่คอยขัดเกลา แต่เบามือ…”
กลอนข้างต้นเป็นคำขวัญวันแม่ที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระราชทานให้ในวันแม่แห่งชาติ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ทุกถ้อยคำและความหมายล้วนแล้วกลั่นกรองจากความรักของผู้ซึ่งเป็นแม่ ผู้ให้ ผู้เป็นปิ่นแห่งแผ่นดิน คอยโอบอุ้มดูแลพสกนิกรให้อยู่เย็นเป็นสุขเรื่อยมา แต่ทั้งนี้ยังมีแม่หรือผู้ให้อีกท่านที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เป็นบุคคลที่มีร่างกายอันน้อยนิด แต่หัวใจนั้นยิ่งใหญ่ มืออันเรียวบางแต่หนักแน่นด้วยความรัก เท้าเพียงสองเท้า แต่ก้าวนำพาลูกผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจให้ก้าวเยื้องตามอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ชีวิตที่อาจมีค่าเพียงเล็กน้อย แต่แลกได้ทั้งชีวิตเพื่อหน่อแห่งความรัก แล้วคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเล่าเคยตอบแทนให้กับผู้ให้คนนี้แล้วหรือยัง
สำหรับคำถามข้างต้นคุณจะตอบคำถามที่มันดังอยู่ในใจคุณว่าอย่างไร?
คำถามแรกคือ คุณหันไปดูผู้หญิงคนนี้บ้างหรือเปล่า ถ้าไม่ลองตอบคำถามอีกครั้งว่าทำไม ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนี้เฝ้ามองดูคุณอยู่ตลอดเวลา แต่คุณกลับเลือกที่จะมองไปแต่ข้างหน้ามองแต่ชีวิตตัวคุณเองใช่หรือไม่ แต่ถ้าคำตอบของคุณคือคุณได้หันไปมองผู้หญิงคนนี้แล้วก็ขอถามอีกครั้งว่าในเวลาไหน เวลาที่คุณเดือดร้อน หรือเวลาที่หญิงคนนี้เดือดร้อน เวลาที่คุณทุกข์ใจหรือเวลาที่คุณสุขใจ เวลาที่หญิงคนนี้ไม่เหลือใครหรือเวลาที่คุณไม่เหลือใคร เวลาที่คุณอยากเจอท่าน หรือเวลาที่ท่านอยากเจอคุณ และสุดท้าย “เวลาที่ท่านยังมีลมหายใจหรือเวลาที่ท่านไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจ”
คำถามต่อมา วันนี้คุณทำอะไรให้เธอบ้าง ในวันหนึ่งวันคุณอาจจะทำอะไรให้ตัวคุณและคนอื่นๆได้มากมาย แต่กับผู้หญิงคนนี้ในวันหนึ่งวันคุณคิดที่จะทำอะไรให้เธอภูมิใจได้บ้าง
อีกหนึ่งคำถาม เธอหนาวไหม แล้วคุณจะทำอย่างไรให้เธอหายหนาว คุณจะซื้อผ้าห่มหนาๆให้ที่อุ่นเพียงกายแต่ใจยังหนาว หรือคุณจะไปกอดท่านด้วยตัวเองให้ท่านอุ่นทั้งใจและอุ่นทั้งกาย
คำถามต่อมา ท่านจะหิวไหม คุณจะทำอย่างไรถ้าท่านหิวปล่อยให้ท่านอด ให้เงินท่านไปซื้อของหรือจะไปทานข้าวกับท่าน ทำของที่ท่านชอบให้ท่านทานเหมือนตอนที่ท่านเลือกที่จะทำของที่คุณชอบในตอนที่คุณยังเป็นเด็กให้คุณทาน
และคำถามสุดท้าย เธอจะอยู่อย่างไร จะสบายกายสบายใจหรือไม่ จะกินอิ่มนอนหลับหรือไม่มีสิ่งใดบ้างที่คุณจะสามารถทำให้ท่านสุขกายสบายใจได้
ในทางกลับกันคำถามที่ถามในข้างต้นผู้หญิงคนนี้ก็เคยใช้ถามคุณเมื่อตอนที่คุณยังเป็นเด็ก
คุณเคยหันไปดูผู้หญิงคนนี้บ้างไหม?
ในขณะที่แม่ไม่เคยละสายตาไปจากคุณ
วันนี้คุณทำอะไรให้เธอบ้าง?
ในขณะที่แม่ทำทุกอย่างให้คุณ หรือ มีอะไรอีกบ้างที่แม่ยังไม่ได้ทำให้คุณ
เธอหนาวไหม?
ในขณะที่แม่ยอมหนาวเพื่อให้คุณอุ่น
หิวไหม?
ในขณะที่คุณกินอิ่มนอนหลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แม่ยอมอดเพื่อคุณ
เธออยู่อย่างไร?......
ในขณะที่คุณลืมผู้หญิงที่คุณเรียกว่าแม่ ลืมผู้ที่เคยเป็นแสงสว่างนำทางให้ชีวิตคุณ ลืมผู้ที่รักคุณดังแก้วตาดวงใจ
“...แม่รักลูกดังแก้วตาดวงใจ...” “...ลูก คือดวงตาของแม่...” คำที่ใช้แทนความหมายเปรียบเทียบถึงความรักที่แม่มีให้แก่ลูกได้ตรงใจที่สุด เราจะได้ยินคำดังกล่าวได้บ่อยครั้งมากในกรณีที่มีการกล่าวถึงความรักของแม่ ล่าสุดรายการบันทึกกรรมทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่องสามก็ได้นำเอาคำดังกล่าวมาเป็นโครงให้กับรายการในตอน “ดวงตาของแม่” ที่เนื้อเรื่องเป็นการกล่าวถึงสามีภรยาคู่หนึ่งที่มีความพิการทางด้านสายตาทั้งสองคน แต่โชคดีที่ลูกสาวของเธอไม่มีอาการผิดปกติทางสายตา หญิงสาวผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ เธอเลี้ยงลูกของเธอด้วยดวงตาที่มองไม่เห็นทั้งสองข้าง แต่เธอก็สามารถอบรมเลี้ยงดูลูกของเธอให้เติบโตเป็นคนดีได้ แม้แต่ดวงตาที่มืดมิดก็ไม่สามารถที่จะทำให้ความรักที่เธอมีต่อลูกลดน้อยลง ถึงแม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นแต่เธอก็มีลูกสาวที่เปรียบเสมือนดวงตาให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงและเป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางส่วนของความรักที่แม่มีให้แก่ลูก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักของแม่ในอีกหลายแง่มุม
จริงอยู่สำหรับบางคนแล้วการบอกรักแม่ การทดแทนบุญคุณแม่นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้ถึงวันแม่ก็สามารถบอกรักแม่ได้ กรณีนี้จะเป็นจริงก็ต่อเมื่อคนเหล่านั้นอยู่ใกล้กับแม่ สามารถเดินทางไปหาแม่ได้โดยสะดวก แต่สำหรับบางคนที่อยู่ห่างไกลกับแม่ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม การบอกรักแม่ของคนกลุ่มนี้ก็จะกลายเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ไม่สามารถที่จะทำดังเช่นบุคคลกลุ่มแรกได้ เพราะในความเป็นจริงแล้วมีปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้ลูกบางคนไม่สามารถเดินทางกลับไปหาหญิงที่ตนนั้นเรียกว่าแม่ได้บ่อยตามที่ต้องการ
การกำหนดให้วันแม่แห่งชาติ12 สิงหาคม ให้เป็นวันหยุดทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจึงกลายเป็นตัวการสำคัญที่จะนำลูกกลับไปสู่อ้อมอกของแม่ได้
ความรักของแม่เป็นสิ่งที่ทุกคนทราบอยู่แล้วว่ามีความสำคัญเพียงใด แต่จะทำอย่างไรให้แม่มีความสุขที่สุดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ในวันหนึ่งวันเราอาจจะทำให้คนรอบข้างยิ้มได้ แต่ในวันหนึ่งวันจะมีสักกี่ครั้งที่สามารถทำให้แม่มีความสุขได้ การตอบแทนบุญคุณบุพการีที่ได้ชื่อว่าแม่ไม่จำเป็นที่จะต้องตอบแทนด้วยสิ่งของที่มีมูลค่าเสมอไป การที่ลูกทุกคนไม่ลืมแม่ ไม่ลืมที่จะเป็นคนดีก็สามารถที่จะทำให้แม่มีความสุขได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“...คุณจะทำอย่างไรให้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของคุณ มีความสุขที่สุดในโลก...”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ